Family: Convolvulaceae
Genus: Ipomoea
Species: I. cairica
ชื่อสามัญ: Railway creeper
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ipomoea digitata Linn.
ชื่อวงศ์ : CONVOLVULACEAE
ชื่ออื่นๆ : บ้องเลน มันหมู
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก เลื้อยพันหรือทอดเลื้อยไปตามพื้น
ใบเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบแยกเป็น 5-7 แฉก แต่ละแฉกเป็นรูปหอกถึงรูปไข่
โคนและปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบขนาด 5-8 ซม. ดอกสีชมพูอมม่วง
ออกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 2-3 ดอกที่ซอกใบ กลีบรองดอก 5 กลีบ รูปกลมถึงรูปไข่
ขนาด 0.6-1.2 ซม. สีเขียวอ่อน กลีบดอกโคนเชื่อมติดกัน เป็นรูปกรวย
ปลายแผ่กว้างแยกเป็น 5 แฉก ขนาด 5-7 ซม. เกสรผู้ 5 อัน อยู่ในหลอดดอก
รังไข่ผิวเรียบ ผลเป็นผลแห้งรูปไข่ ขนาด 1.2-1.4 ซม. ภายในมี 4 เมล็ด สีดำ
การกระจายพันธุ์ : พบกระจายทั้วไปในเขตร้อน ตามป่าชายหาด ทุ่งหญ้า ป่าเบญจพรรณตามข้างทางทั่วไป ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม
ประโยชน์ : นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ รากตำพอกแก้ช้ำบวม
ข้อมูลจาก : หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 5
วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556
Ipomoea alba (ดอกชมจันทร์)
Family: Convolvulaceae
Genus: Ipomoea
Species: I. alba
ชื่ออื่น: moon vine
ดอกชมจันทร์ หรือดอกพระจันทร์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea alba L.อยู่ในวงศ์ Convolvulaceae สกุล Ipomoea มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้และแพร่กระจาย อย่างกว้างขวาง สามารถพบได้ทั้งในเขตอบอุ่นและเขตร้อนของอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย และในกลุ่มประเทศเขตร้อนของทวีปเอเชีย พืชในสกุลนี้มีประมาณ 650 ชนิด
การขยายพันธุ์
ขยาย พันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด อาจปลูกโดยการหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง หรือเพาะเมล็ดเป็นต้นกล้า ก่อนเพาะเมล็ดมาแช่น้ำนาน 12 ชั่วโมง เพื่อให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนตัว จะทำให้งอกได้เร็วงอกไดเร็วขึ้น เนื่องจากเมล็ดดออกพระจันทร์มีเปลิอกหุ้มเมล็ดที่แข็ง เมล็ดงอกใช้เวลานานประมาณ 7-14 วัน เมื่อต้นกล้าอายุ 30 วันสามารถปลูกลงแปลงได้ นอกจากการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดแล้วต้นชมจันทร์ยังสามารถขยายพันธุ์โดย การปักชำส่วนของลำต้น
การปลูก
ต้นชมจันทร์ สามารถขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิดที่มีความร่วนซุย พื้นที่ต้องระบายได้ดี เจริญเติบโตได้ในสภาพกลางแจ้งที่มีแสงแดด แปลงปลูกอาจยกแปลงผักทั่วไปเพื่อป้องกันน้ำขัง วิธีปลูกโดยขุดหลุมปลูกลึก15-20ซม.รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 200-500 กรัม/หลุม จากนั้นจึงนำต้นกล้าลงปลูก ระยะปลูกที่ใช้ปลูกคือ ระหว่างต้น 40-50 ซม. และระหว่างแถว 70-100 ซม. ในช่วง 1 เดือนแรกหลังปลูกควรมีการให้น้ำวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้าและตอนเย็น เมือต้นสามารถตั้งตัวได้แล้ว จึงให้น้ำวันละครั้ง เมื่อต้นดอกชมจันทร์เริ่มแตกยอดควรมีการทำค้างคล้ายกับค้างถั่วฝักยาวหรือทำ เป็นซุ้ม หลังปลูกประมาณ 2-3 เดือนก็จะเริ่มออกดอก
การใช้ประโยชน์
ต้น ชมจันทร์มีดอกสีขาวสวยงาม บานในเวลาตอนกลางคืน และกลิ่นหอม ในต่างประเทศ เช่นยุโรปและสหรัฐอเมริกาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ แต่บางพื้นที่ของประเทศไทย เช่น ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรื่มมีการนำดอกมารับประทานเป็นอาหารโดยใช้ดอกตูมมาผัดกับน้ำมันหอย หรือลวกจิ้มกับน้ำพริก ผลการการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของดอกชมจันทร์ พบว่าเป็นผักที่ไขมันต่ำมากและมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และยังประกอบด้วยวิตามินต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินบี เป็นต้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
การบำรุงรักษา
การบำรุง รักษา เมื่อผลผลิตเริ่มลดลง หรือสังเกตเห็นต้นโทรมจะต้องตัดแต่งให้แตกต้นใหม่ พร้อมกับใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอกบำรุง พร้อมให้น้ำเช้า-เย็น เพื่อให้ต้นแตกใบอ่อน จากนั้นประมาณ 2 เดือนจึงเริ่มเก็บผลผลิตได้อีกครั้ง กระทั่งต้นมีอายุ 2 ปี จึงเอาออกและปลูกใหม่อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia.org
Genus: Ipomoea
Species: I. alba
ชื่ออื่น: moon vine
ดอกชมจันทร์ หรือดอกพระจันทร์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea alba L.อยู่ในวงศ์ Convolvulaceae สกุล Ipomoea มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้และแพร่กระจาย อย่างกว้างขวาง สามารถพบได้ทั้งในเขตอบอุ่นและเขตร้อนของอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย และในกลุ่มประเทศเขตร้อนของทวีปเอเชีย พืชในสกุลนี้มีประมาณ 650 ชนิด
การขยายพันธุ์
ขยาย พันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด อาจปลูกโดยการหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรง หรือเพาะเมล็ดเป็นต้นกล้า ก่อนเพาะเมล็ดมาแช่น้ำนาน 12 ชั่วโมง เพื่อให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนตัว จะทำให้งอกได้เร็วงอกไดเร็วขึ้น เนื่องจากเมล็ดดออกพระจันทร์มีเปลิอกหุ้มเมล็ดที่แข็ง เมล็ดงอกใช้เวลานานประมาณ 7-14 วัน เมื่อต้นกล้าอายุ 30 วันสามารถปลูกลงแปลงได้ นอกจากการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดแล้วต้นชมจันทร์ยังสามารถขยายพันธุ์โดย การปักชำส่วนของลำต้น
การปลูก
ต้นชมจันทร์ สามารถขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิดที่มีความร่วนซุย พื้นที่ต้องระบายได้ดี เจริญเติบโตได้ในสภาพกลางแจ้งที่มีแสงแดด แปลงปลูกอาจยกแปลงผักทั่วไปเพื่อป้องกันน้ำขัง วิธีปลูกโดยขุดหลุมปลูกลึก15-20ซม.รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 200-500 กรัม/หลุม จากนั้นจึงนำต้นกล้าลงปลูก ระยะปลูกที่ใช้ปลูกคือ ระหว่างต้น 40-50 ซม. และระหว่างแถว 70-100 ซม. ในช่วง 1 เดือนแรกหลังปลูกควรมีการให้น้ำวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้าและตอนเย็น เมือต้นสามารถตั้งตัวได้แล้ว จึงให้น้ำวันละครั้ง เมื่อต้นดอกชมจันทร์เริ่มแตกยอดควรมีการทำค้างคล้ายกับค้างถั่วฝักยาวหรือทำ เป็นซุ้ม หลังปลูกประมาณ 2-3 เดือนก็จะเริ่มออกดอก
การใช้ประโยชน์
ต้น ชมจันทร์มีดอกสีขาวสวยงาม บานในเวลาตอนกลางคืน และกลิ่นหอม ในต่างประเทศ เช่นยุโรปและสหรัฐอเมริกาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ แต่บางพื้นที่ของประเทศไทย เช่น ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรื่มมีการนำดอกมารับประทานเป็นอาหารโดยใช้ดอกตูมมาผัดกับน้ำมันหอย หรือลวกจิ้มกับน้ำพริก ผลการการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของดอกชมจันทร์ พบว่าเป็นผักที่ไขมันต่ำมากและมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และยังประกอบด้วยวิตามินต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินบี เป็นต้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
การบำรุงรักษา
การบำรุง รักษา เมื่อผลผลิตเริ่มลดลง หรือสังเกตเห็นต้นโทรมจะต้องตัดแต่งให้แตกต้นใหม่ พร้อมกับใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอกบำรุง พร้อมให้น้ำเช้า-เย็น เพื่อให้ต้นแตกใบอ่อน จากนั้นประมาณ 2 เดือนจึงเริ่มเก็บผลผลิตได้อีกครั้ง กระทั่งต้นมีอายุ 2 ปี จึงเอาออกและปลูกใหม่อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia.org
Ipomoea pandurata
Family: Convolvulaceae
Genus: Ipomoea
Species: I. pandurata
เป็นไม้เถาขนาดใหญ่และเติบโตในทวีปอเมริกาเหนือ มีหัวคล้ายมมันเทศ ใบเดี่ยวรูปหัวใจ ดอกสีชมพูทรงระฆัง ขนาด4-5 เซนติเมตร ตรงกลาดอกเป็นสีม่วง
ที่มา wikipedia
Genus: Ipomoea
Species: I. pandurata
เป็นไม้เถาขนาดใหญ่และเติบโตในทวีปอเมริกาเหนือ มีหัวคล้ายมมันเทศ ใบเดี่ยวรูปหัวใจ ดอกสีชมพูทรงระฆัง ขนาด4-5 เซนติเมตร ตรงกลาดอกเป็นสีม่วง
ที่มา wikipedia
Ipomoea obscura (จิงจ้อขาว)
Family: Convolvulaceae
Genus: Ipomoea
Species: I. obscura
มอร์นิ่งกลอรี่ขนาดเล็ก พบการจายพันธุ์อยู่ทั่วแอฟริกาเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก ในประเทศไทยจะมีชื่อเรียกว่า จิงจ้อเล็ก
Genus: Ipomoea
Species: I. obscura
มอร์นิ่งกลอรี่ขนาดเล็ก พบการจายพันธุ์อยู่ทั่วแอฟริกาเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก ในประเทศไทยจะมีชื่อเรียกว่า จิงจ้อเล็ก
จิงจ้อขาวเป็นไม้เถา ลำต้นเลื้อยไปตามพื้นดิน มีขนประปราย ใบ มีทั้งรูปไข่และขอบขนานหรือขอบขนานแกมไข่ โคนใบเว้าเข้าคล้ายรปหัวใจ ท้องใบมีขนสั้นสีเทา หรือสีออกขาว ดอก ช่อ ออกตามง่ามใบ ดอกย่อยมีกลีบสีขาว สีเหลือง หรือสีส้ม ผล แห้ง รูปไข่ ค่อนข้างรูปกรวย เมล็ดไม่เกิน 4 เมล็ด
ส่วนที่ใช้ เถา ยางจากราก ใบ
สรรพคุณของจิงจ้อขาว
เถาจะให้รสเผ็ดร้อน ช่วยลดอาการบวม กระตุ้นให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ขับเสมหะ ขับโลหิต ยางจากรากใช้เป็นยา ใบตำพอกบาดแผลจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รักษาอาการส้นเท้าแตกเมล็ดใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับน้ำเหลืองเสียในผู้ป่วยโรคผิวหนัง
ส่วนที่ใช้ เถา ยางจากราก ใบ
สรรพคุณของจิงจ้อขาว
เถาจะให้รสเผ็ดร้อน ช่วยลดอาการบวม กระตุ้นให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ขับเสมหะ ขับโลหิต ยางจากรากใช้เป็นยา ใบตำพอกบาดแผลจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รักษาอาการส้นเท้าแตกเมล็ดใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับน้ำเหลืองเสียในผู้ป่วยโรคผิวหนัง
ขอคุณข้อมูลจาก thaiherbalmed.com
วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556
Ipomoea nil
Family: Convolvulaceae
Genus: Ipomoea
Species: I. nil
สายพันธุ์นี้ จะมีดอกกว้างอยู่ในเฉดสีฟ้า และสีชมพู จะมีลายเส้นสีขาวผสมตรงขอบหรือเป็นลาย พันธุ์ที่พบบ่อยได้แก่ Scarlet O'Hara , Early Call , Rose Silk, Blue Picotee, Blue Speckled, Grandpa Ott
Genus: Ipomoea
Species: I. nil
สายพันธุ์นี้ จะมีดอกกว้างอยู่ในเฉดสีฟ้า และสีชมพู จะมีลายเส้นสีขาวผสมตรงขอบหรือเป็นลาย พันธุ์ที่พบบ่อยได้แก่ Scarlet O'Hara , Early Call , Rose Silk, Blue Picotee, Blue Speckled, Grandpa Ott
ความเป็นมา MorningGlory
มอร์นิ่งกลอรี่ MorningGlory
วงศ์ Convolvulaceae
สกุล Ipomoea
มอร์นิ่งกลอรี่เป็นไม้เถา ที่ได้ชื่อนี้เพราะดอกบานตอนเช้าที่มีแดดอ่อน และหุบตอนเที่ยงและบ่ายของวันที่แดดจัด แต่จะบานได้จนถึงเย็นในวันที่มีอากาศครึ้ม
มอร์นิ่งกลอรี่มีเมล็ดขนาดใหญ่ เปลือกเมล็ดหนาและแข็ง ทำให้การงอกช้าและไม่ค่อยสม่ำเสมอคือเมล็ดส่วนหนึ่งงอกใน 4 – 5 วัน ที่เหลืออาจใช้เวลาถึง 2 อาทิตย์ ถ้าต้องการให้งอกเร็วพร้อม ๆ กัน ให้แช่เมล็ดในนํ้าอุ่นแล้วทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้เปลือกอ่อนตัว หรือฝนเมล็ดกับกระดาษทรายพอให้เปลือกบางลงเพื่อให้นํ้าซึมเข้าไปได้ง่าย แล้วเพาะเมล็ดลงในที่ปลูกเลย เนื่องจากต้นไม่ชอบการย้ายปลูก ที่ปลูกควรอยู่กลางแจ้ง ดินไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์นัก มอร์นิ่งกลอรี่เป็นไม้เถาแต่ไม่สามารถเลื้อยเกาะผนังกำแพงทึบ ต้องปลูกให้เกาะตามรั้วโปร่งๆ หรือทำแผงไม้ไผ่ให้เกาะ จะใช้เชือกหรือตาข่ายขึงให้เกาะก็ได้
MorningGlory เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ผักบุ้ง มีชื่อเรียกมากกว่า 1,000 สปีชี
สำหรับการใช้ยา ผักบุ้งเป็นที่รู้จักครั้งแรกในประเทศจีนเนื่องจากคุณสมบัติเมล็ดเป็นยาระบาย
มันถูกนำไปยังญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 9 และพวกเขาเป็นคนแรกที่นำมันปลูกเป็นดอกไม้ประดับ ในสมัยTokugawa มันเป็นที่นิยมมาก ญี่ปุ่นได้พัฒนาสายพันธุ์ MorningGlory ให้มีการพัฒนาหลายร้อยตัว เช่นสีน้ำตาลที่รู้จักกันเป็น Dajuro และพันธุ์ที่มีชื่อว่า 'Brocade of Dawn', 'Moon in the Dusk' และ 'Wisteria Girl' มันออกดอกช่วงฤดูร้อนเป็นสัญลักษณ์ในสวนของญี่ปุ่น
วงศ์ Convolvulaceae
สกุล Ipomoea
มอร์นิ่งกลอรี่เป็นไม้เถา ที่ได้ชื่อนี้เพราะดอกบานตอนเช้าที่มีแดดอ่อน และหุบตอนเที่ยงและบ่ายของวันที่แดดจัด แต่จะบานได้จนถึงเย็นในวันที่มีอากาศครึ้ม
มอร์นิ่งกลอรี่มีเมล็ดขนาดใหญ่ เปลือกเมล็ดหนาและแข็ง ทำให้การงอกช้าและไม่ค่อยสม่ำเสมอคือเมล็ดส่วนหนึ่งงอกใน 4 – 5 วัน ที่เหลืออาจใช้เวลาถึง 2 อาทิตย์ ถ้าต้องการให้งอกเร็วพร้อม ๆ กัน ให้แช่เมล็ดในนํ้าอุ่นแล้วทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้เปลือกอ่อนตัว หรือฝนเมล็ดกับกระดาษทรายพอให้เปลือกบางลงเพื่อให้นํ้าซึมเข้าไปได้ง่าย แล้วเพาะเมล็ดลงในที่ปลูกเลย เนื่องจากต้นไม่ชอบการย้ายปลูก ที่ปลูกควรอยู่กลางแจ้ง ดินไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์นัก มอร์นิ่งกลอรี่เป็นไม้เถาแต่ไม่สามารถเลื้อยเกาะผนังกำแพงทึบ ต้องปลูกให้เกาะตามรั้วโปร่งๆ หรือทำแผงไม้ไผ่ให้เกาะ จะใช้เชือกหรือตาข่ายขึงให้เกาะก็ได้
MorningGlory เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ผักบุ้ง มีชื่อเรียกมากกว่า 1,000 สปีชี
- Calystegia
- Convolvulus
- Ipomoea
- Merremia
- Rivea
- Astripomoea
- Operculina
- Stictocardia
- Argyreia
- Lepistemon
สำหรับการใช้ยา ผักบุ้งเป็นที่รู้จักครั้งแรกในประเทศจีนเนื่องจากคุณสมบัติเมล็ดเป็นยาระบาย
มันถูกนำไปยังญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 9 และพวกเขาเป็นคนแรกที่นำมันปลูกเป็นดอกไม้ประดับ ในสมัยTokugawa มันเป็นที่นิยมมาก ญี่ปุ่นได้พัฒนาสายพันธุ์ MorningGlory ให้มีการพัฒนาหลายร้อยตัว เช่นสีน้ำตาลที่รู้จักกันเป็น Dajuro และพันธุ์ที่มีชื่อว่า 'Brocade of Dawn', 'Moon in the Dusk' และ 'Wisteria Girl' มันออกดอกช่วงฤดูร้อนเป็นสัญลักษณ์ในสวนของญี่ปุ่น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)